พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐินแก่หน่วยงานราชการและองค์กรต่าง ๆ เพื่ออัญเชิญไปทอดถวายยังพระอารามหลวงทั่วประเทศ ซึ่งจังหวัดลพบุรีได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินจำนวน 2 พระอารามหลวง ได้แก่ วัดกวิศรารามราชวรวิหาร และวัดเสาธงทอง พระอารามหลวง
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม โดยมี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ถวายพระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดกวิศรารามราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี โดยมี พระธรรมวชิรสุนทร เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในการนี้ นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยข้าราชการตุลาการ หัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียง ได้ยอดเงินบำรุงพระอารามหลวงจำนวน 3,034,231.40 บาท พร้อมทั้งมอบเงินสนับสนุนการศึกษาให้แก่ โรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ และ โรงเรียนเทศบาล 2 ระบบสาธิตเทศบาลเมืองลพบุรี 2
ต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้แก่ นายเมธี ขันทอง ประธานชมรมปิดทองหลังพระตามรอยพระยุคลบาท เป็นประธานในพิธีอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดเสาธงทอง พระอารามหลวง ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี โดยมี พระวชิรจริยาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมี นายพิษณุ ประภาธนานันท์ ปลัดจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชนร่วมในพิธี ได้ยอดปัจจัยบำรุงพระพุทธศาสนารวมทั้งสิ้น 439,557 บาท
ทั้งนี้ กฐินพระราชทาน เป็นพระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินและเครื่องกฐินแก่ส่วนราชการ หน่วยงาน สมาคม หรือเอกชน เพื่ออัญเชิญไปถวายยังพระอารามหลวงทั่วประเทศในช่วงเทศกาลทอดกฐิน ซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เพื่อส่งเสริมความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ และทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคงสืบไป
สำหรับวัดกวิศรารามราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดราชวรวิหาร สังกัดมหานิกาย เดิมเป็นวัดเก่าแก่ที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระราชทานอุทิศถวายเป็นวิสุงคามสีมาเพื่อใช้ประกอบสังฆกรรมของข้าราชบริพาร ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยสมัยอู่ทองเป็นพระประธาน ถือเป็นศาสนสถานสำคัญที่สะท้อนศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย
ส่วนวัดเสาธงทอง พระอารามหลวง เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เดิมแยกเป็น 2 วัดคือวัดรวกและวัดเสาธงทอง ก่อนจะรวมกันเป็นวัดเดียว มีพระวิหารขนาดใหญ่แบบศิลปะอยุธยา เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี
ทั้งสองพระอารามหลวงจึงเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธาและจิตใจของชาวลพบุรี สะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงสืบสานและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่แผ่นดินตราบนิรันดร์ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
 

 
			 
			 
			 
			 
			 
			 
								 
								