“การบูลลี่” หรือการกลั่นแกล้ง ไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือโลกออนไลน์ กำลังกลายเป็นภัยเงียบที่กัดกร่อนสุขภาพจิตของเด็กไทยโดยไม่เลือกวัยหรือพื้นฐานชีวิต จิตแพทย์เตือนชัด—นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากปล่อยไว้ อาจพัฒนาเป็น โรคจิตเวชขั้นรุนแรง และ ภาวะคิดฆ่าตัวตาย ได้
พญ.ปรานี ปวีณชนา จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดเผยว่า “การบูลลี่ซ้ำ ๆ ทำให้เด็กขาดความมั่นใจ ไม่อยากไปโรงเรียน แยกตัว เงียบลง กินนอนไม่เป็นเวลา และอาจถึงขั้น ทำร้ายตัวเอง หรือ คิดสั้น โดยที่คนรอบข้างอาจไม่ทันสังเกตเห็น”
แต่ไม่ใช่แค่เหยื่อเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ผู้กระทำและผู้เห็นเหตุการณ์ก็เสี่ยงเช่นกัน
- เด็กที่บูลลี่คนอื่น อาจมีภาวะซึมเศร้าหรือโรคสมาธิสั้นโดยไม่รู้ตัว
- เด็กที่เป็น “พยาน” หากไม่ได้รับการดูแล อาจเกิดความเครียดเรื้อรัง (PTSD) หรือกลายเป็นผู้กระทำในอนาคต
วงจรความเจ็บปวดนี้ ยังสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงอื่น เช่น การใช้กัญชา บุหรี่ไฟฟ้า หรือแอลกอฮอล์ ตั้งแต่วัยเรียน ซึ่งเด็กหลายคนใช้เพื่อกลบความเครียด หรือความรู้สึกไร้ค่าที่ไม่มีใครเข้าใจ
“เราพบอัตราเด็กและวัยรุ่นที่ป่วยด้วยโรคจิตเวชเพิ่มขึ้นปีละ 5–10% มาโดยตลอด”
— พญ.ปรานีกล่าว
แม้การเข้าถึงการรักษาจะดีขึ้น แต่ก็ยังมีเด็กจำนวนมากที่ รอความช่วยเหลือโดยไม่มีใครยื่นมือ พญ.ปรานีย้ำว่า “อย่ารอให้สายเกินไป ถ้าเห็นเด็กเปลี่ยนไป ซึม เงียบ แยกตัวจากเพื่อน ไม่พูดกับใคร ทั้งที่เคยร่าเริง ควรรีบพาไปพบจิตแพทย์”
การรักษาต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งครอบครัว โรงเรียน และทีมแพทย์ โดยเฉพาะครูและผู้ปกครอง ซึ่งเป็น “ด่านหน้า” ที่จะช่วยเปลี่ยนเส้นทางชีวิตเด็กคนหนึ่งได้
“อย่าคิดว่า ‘ก็แค่หยอกเล่น’ เพราะคำพูดเพียงคำเดียว อาจทิ้ง ‘แผลลึก’ ในใจเด็กตลอดชีวิต”
พญ.ปรานี ทิ้งท้ายถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะต้องตระหนักว่า สุขภาพจิตของเด็กคือรากฐานของอนาคตประเทศ หากปล่อยให้รอยร้าวเติบโต วันหนึ่งอาจไม่มีโอกาสซ่อมแซมสิ่งที่พังไปแล้ว