วันที่ 23 ตุลาคม 2568 จากภาพมุมสูงเหนือ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี พบว่ามีปริมาณน้ำเต็มอ่างเก็บน้ำเกือบเต็มความจุ หลังกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการวันแรก ซึ่งนับเป็นสัญญาณสิ้นสุดฤดูฝนปีนี้อย่างสมบูรณ์
ข้อมูลล่าสุด เวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 932 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 97.08% ของความจุเก็บกักปกติที่ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยในช่วงเดือนกันยายนต่อเนื่องถึงตุลาคมที่ผ่านมา มีมวลน้ำจากจังหวัดเพชรบูรณ์ไหลเข้าสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในปริมาณมาก ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในไม่กี่วันจะมีน้ำเต็ม 100% ของความจุ
บริหารจัดการน้ำเชิงรุก ลดระบาย ควบคุมปริมาณในเกณฑ์เหมาะสม
นายสมชาย ร่มเย็น หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังมีน้ำไหลเข้าเขื่อนจากตอนบนบริเวณอำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ วันละประมาณ 267 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือราว 23 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แม้มีแนวโน้มลดลง แต่เพื่อควบคุมปริมาณน้ำในเขื่อนให้อยู่ในระดับปลอดภัย จึงได้ดำเนินการระบายน้ำท้ายเขื่อนในอัตรา 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือเฉลี่ยวันละ 17 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2568
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จึงบริหารจัดการน้ำอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเขื่อน และเตรียมกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งข้างหน้า ตามแนวโน้มของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่าหลังจากนี้ปริมาณฝนในพื้นที่ภาคกลางจะลดลงต่อเนื่อง และจะย้ายไปตกหนักในภาคใต้แทน
ยืนยัน “เขื่อนมั่นคง ปลอดภัย” ตรวจสอบต่อเนื่องทุกวัน
นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีการตรวจสอบค่าความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่อปริมาณน้ำในอ่างเกิน 80% จะมีการตรวจวัดค่าความมั่นคงทุกวัน ซึ่งผลการตรวจทั้งหมดอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานปลอดภัย ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า “เขื่อนป่าสักฯ มีความมั่นคงแข็งแรง และพร้อมรองรับปริมาณน้ำได้อย่างปลอดภัย”
ทั้งนี้ หากปริมาณน้ำตอนบนลดลง ทางเขื่อนจะปรับลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยมีสถานีตรวจวัดน้ำตลอดแนวแม่น้ำป่าสักและลำน้ำสาขา เพื่อใช้ข้อมูลวางแผนบริหารจัดการน้ำแบบรายสัปดาห์อย่างมีประสิทธิภาพ
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์นับเป็นหนึ่งในเขื่อนหลักที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบชลประทานภาคกลางของประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตรแล้ว ยังช่วยควบคุมน้ำหลากและบรรเทาอุทกภัยในฤดูฝนอีกด้วย
ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
