วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 — เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมอัตรา 25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยทยอยเพิ่มวันละ 25 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หลังปริมาณน้ำภายในเขื่อนเกินความจุ 100% เพื่อรักษาความปลอดภัยของเขื่อนและควบคุมระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
นายวศวรรธน์ นาคนวล ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เวลา 06.00 น. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำ 982.97 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็น 102.39% ของความจุอ่าง มีน้ำไหลเข้าอ่าง 325.88 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (คิดเป็น 28.16 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน) และมีการระบายน้ำ 75.52 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (คิดเป็น 6.52 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน)
ทั้งนี้ สาเหตุเนื่องจากช่วงวันที่ 1 – 3 พฤศจิกายน 2568 มีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำป่าสัก ทำให้ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น และอาจเกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จากอิทธิพลของพายุ “คัลแมกี” (Kalmagyi)
เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเขื่อน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์จึงได้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มการระบายน้ำในครั้งนี้จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก เพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 1.20 – 1.40 เมตร แต่ยังอยู่ในลำน้ำ ไม่ถึงระดับที่ล้นตลิ่ง
ทั้งนี้ จังหวัดลพบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสักเฝ้าระวังระดับน้ำ ดูแลทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงอย่างใกล้ชิด พร้อมติดตามประกาศสถานการณ์น้ำจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง
ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
